วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

สี่สาวงามแห่งแผ่นดินจีน [四大美人]

สี่สาวงามแห่งแผ่นดินจีน 四大美人(Four Beauties)เป็นคำเรียกสตรี 4 คนที่ได้ชื่อว่ามีความงดงามที่สุดในประวัติศาสตร์จีนโบราณ โดยทั้ง 4 คนนี้มีบทบาทสำคัญที่ทำให้สถานการณ์บ้านเมืองพลิกผันถึงขั้นอาณาจักรล่มสลาย หรือเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์คำโคลงจีนที่ใช้เรียกสตรีทั้งสี่นี้ได้แก่ “沉鱼落雁,闭月羞花”
沉鱼落雁 [chényúluòyàn] มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา
闭月羞花 [bìyuèxiūhuā] จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง
ในพากย์ภาษาไทยอาจารย์ถาวร สิกขโกศล ได้แปลไว้เป็นบทกลอนว่า
  1. 西施沉鱼 [XīShī chényú] มัจฉา จมวารี (ไซซี)
  2. 昭君落雁 [ZhāoJūn luòyàn] ปักษี ตกนภา (หวังเจาจวิน)
  3. 貂婵闭月 [DiāoChán bìyuè] จันทร์หลบ โฉมสุดา (เตียวเสี้ยน)
  4. 贵妃羞花 [GuìFēi xiūhuā] มวลผกา ละอายนาง (หยางกุ้ยเฟย)

ความไม่งามในสุดยอดความงาม
คนจีนส่วนมากรู้ว่าในบรรดาหญิงงามนับสิบนับร้อยของจีนนั้นที่เป็นชั้นเยี่ยมสุดยอดมีสี่คน ยอดพธูทั้งสี่คนนี้งามถึงขั้น “มัจฉาจมวารี ปักษีตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง” ทว่าความไม่งามซึ่งแฝงอยู่ในสุดยอดความงามของยอดพธูแต่ละคนเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีคนรู้
1. มัจฉาจมวารี (西施沉鱼 [XīShī chényú]) เป็นความงามสุดยอดของไซซี เมื่อสมัยยังอยู่บ้านเดิม ทุกครั้งที่เธอไปซักผ้าฟอกด้าย หรือเล่นน้ำในแม่น้ำผูหยางเจียง(浦阳江 [pǔyángjiāng]) เชิงเขาจู้หลัวซาน หมู่มัจฉาต่างก็เพลินชมโฉมอันเลอเลิศจนลืมแหวกว่ายจมสู่ก้นธารา
แม้จะงามเลิศถึงเพียงนี้ ไซซีก็ยังมีความไม่งามอยู่ประการหนึ่ง คือ เธอมีเท้าที่ใหญ่กว่าหญิงทั้งหลายเป็น “สาวตีนโต” ดังนั้นเธอจึงต้องสวมกระโปรงยาวใส่เกี๊ยะไม้ กระโปรงยาวช่วยคลุมมิให้เห็นเท้า เกี๊ยะช่วยให้ชายกระโปรงสูงพ้นพื้น และยามเดินมีท่วงท่าดุจอัปสร เมื่อใช้ศิลปะการแต่งกายเข้าช่วยเช่นนี้ ไซซีก็งามดุจเทพธิดาในแดนมนุษย์
2. ปักษีตกนภา (昭君落雁 [ZhāoJūn luòyàn]) เป็นความงามสุดยอดของหวางเจาจวิน เมื่อปักษา(雁 [yàn] ห่านป่า)ตะลึงชมความงามของนางยามขี่ม้าเดินทางสู่ซงหนู(匈奴 [xiōngnú]) จนลืมขยับปีกร่วงจากนภา หวางเจาจวินก็มีความไม่งามอย่างหนึ่ง คือ ไหล่ของเธอลาดตกกว่าหญิงทั่วไป เธอจึงสวมผ้าคลุมไหล่ที่มีการหนุนเสริมให้ไหล่งามปกติ ซึ่งทำให้หวางเจาจวินงามเด่นไร้ราคี
3. จันทร์หลบโฉมสุดา (貂婵闭月 [DiāoChán bìyuè]) สุดยอดความงามของเตียวเสียนที่แม้แต่จันทรเทวีฉางเอ๋อร์(嫦娥 [cháng'é]) ยังละอายนาง แต่เตียวเสียนก็มีความไม่งามอยู่ คือ ปลายใบหูเธอสั้นเล็ก เธอจึงใส่ตุ้มหูหยกถ่วงเสริมให้เตียวเสียนมีเสน่ห์ยิ่งขึ้น
4. มวลผกาละอายนาง (贵妃羞花 [GuìFēi xiūhuā]) เป็นสุดยอดความงามของหยางกุ้ยเฟยที่กระทั่งดอกโบตั๋น(牡丹 [mǔdān]) ยังหุบดอกซบลงไม่กล้าประชันความงามด้วย แต่เธอก็มีกลิ่นตัวเป็นโทษสมบัติ หยางกุ้ยเฟยจึงแก้ไขด้วยลงสรงในธารหอมหัวชิง อบร่ำเสื้อผ้าและใช้แป้งหอมกลบกลิ่นกาย
เรื่องความไม่งามในสุดยอดความงามนี้เป็นเพียงความเชื่อของชาวบ้านที่สันนิษฐานมาจากภาพวาดและประวัติของยอดพธูทั้งสี่คนเท่านั้น แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นการสะท้อนให่เห็นความคิดเชิงเหตุผลของคนจีนซึ่งเชื่อกันว่า สิ่งที่ดีพร้อมหรืองามละม่อมพร้อมสิ้นทั้งอินทรีย์นั้นยากที่จะมีได้จริง ต่อให้งามเลิศปานใดก็ต้องมีส่วนที่ไม่งามแอบแฝงอยู่
ที่มา : pasajean.com